ประกันภัยรถยนต์
Lifestyle

มือใหม่เรื่องรถควรรู้ รูปแบบการเคลมประกันภัยรถยนต์มีแบบไหนบ้างนะ

ประกันภัยรถยนต์นับว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากกรณีที่ขับขี่แล้วเกิดอุบัติเหตุ การมีประกันรถไว้ย่อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ในยามที่รถมีอุบัติเหตุ แม้จะช่วยได้ไม่ทั้งหมดแต่ก็คงดีกว่าที่เราจะต้องจ่ายเองทั้งหมดคนเดียวแน่ ๆ ในเรื่องนี้เราต่างทราบกันดี ดังนั้น จึงแนะนำว่าทุกคนที่มีรถควรจะพิจารณาทำประกันภาคสมัครใจไว้ด้วย

แต่สำหรับคนที่เป็นมือใหม่เรื่องรถ ถึงแม้จะทำประกันไว้แล้วก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันขึ้นมาก็คงจะยังสับสนไม่รู้ว่าควรจะเคลมประกันภัยรถยนต์แบบไหนอย่างไรดี เพราะยังไม่มีประสบการณ์ ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่าการเคลมประกันรถมีแบบไหนบ้าง และในสถานการณ์นั้น ๆ คุณควรจะเลือกเคลมแบบไหน

รูปแบบที่ 1 : การเคลมประกันสด

การเคลมประกันรถแบบนี้อธิบายง่าย ๆ ก็คือการขอเคลมประกันทันทีหลังจากเกิดเหตุ ไม่ว่าอุบัติเหตุเฉี่ยวชนนั้นจะมีคู่กรณีหรือไม่คู่กรณีก็ตาม เมื่อเกิดเหตุขึ้น ก็โทรเรียกพนักงานของบริษัทประกันภัยรถยนต์มาตรวจสอบ ณ  จุดเกิดเหตุเลย เมื่อพนักงานของบริษัทประกันมาถึงที่จุดเกิดเหตุก็จะทำการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น ก็จะถ่ายรูปดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทั้งสองฝั่ง กรณีที่มีคู่กรณี

เมื่อพนักงานทำการเก็บข้อมูลจนครบถ้วนแล้ว ก็จะมีการออกใบเคลมประกันให้กับคุณ ซึ่งคุณก็จะต้องนำเอกสารใบนี้ไปยื่นให้กับที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมเพื่อทำการซ่อมแซมรถส่วนที่เสียหายจากอุบัติเหตุ ค่าใช้จ่ายประกันก็จะดูแลให้ตามสัดส่วนความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

  • ข้อดี: เคลมง่าย และมักจะเคลมได้ไม่มีปัญหาใด ๆ
  • ข้อเสีย: ค่อนข้างเสียเวลา เพราะจะต้องรอพนักงานของบริษัทประกันมาถึงจุดเกิดเหตุ หากกำลังรีบเดินทางมีธุระสำคัญต้องไปทำ การเคลมแบบนี้ก็จะทำให้เสียเวลาไปอย่างมาก ยิ่งถ้าเกิดเหตุในช่วงการจราจรที่ติดขัดด้วย บางครั้งต้องรอพนักงานกันนานเลยทีเดียว

รูปแบบที่ 2 : การเคลมประกันแห้ง

การเคลมประกันแบบนี้ก็จะตรงกันข้ามกับรูปแบบที่ 1 คือเป็นการไปขอเคลมประกันภัยรถยนต์ด้วยตนเองภายหลัง ไม่ได้ขอเคลมประกันทันทีหลังเกิดเหตุ วิธีนี้เหมาะกับกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเพียงเล็กน้อย และสามารถที่จะตกลงกับคู่กรณีได้ว่าใครผิด ใครถูก แต่สิ่งสำคัญของการขอเคลมแบบนี้ก็คือ คุณจะต้องเป็นผู้เก็บบันทึกข้อมูลรายละเอียดของการเกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่าง ๆ ของรถเอง

ซึ่งการเก็บบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ก็จะต้องละเอียดและชัดเจนว่าตำแหน่งที่เกิดเหตุคือตรงไหน เวลาใด จุดความเสียหายมีตรงไหนและอย่างไรบ้าง

  • ข้อดี: ง่ายและสะดวก ไม่ต้องมาเสียเวลารอพนักงานจากบริษัทประกัน หากใครรีบร้อนก็สามารถเดินทางไปทำธุระต่อได้เลย แล้วค่อยไปจัดการดำเนินเรื่องของเคลมประกันในภายหลังได้ (แต่ไม่ควรเกิน 2 – 3 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ)
  • ข้อเสีย: มีโอกาสที่จะขอเคลมไม่ได้ หากว่าคุณเก็บข้อมูลไม่ละเอียดพอ ทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนไม่ชัดเจน บางครั้งประกันก็จะไม่เคลมให้ รวมไปถึงหากการบันทึกความเสียหายไม่หมด อย่างมากพบรอยบุบ รอยยุบภายหลังก็จะขอเคลมเพิ่มในครั้งนั้นไม่ได้แล้ว บริษัทประกันจะคิดแยกเป็นอีกกรณีไป

นี่คือ รูปแบบการขอเคลมประกันรถที่มือใหม่เรื่องรถทั้งหลายควรรู้เอาไว้ หากเกิดเหตุขึ้นมาจะได้รู้ว่าควรทำอย่างไร และควรจะเลือกเคลมประกันแบบไหนถึงจะเหมาะในสถานการณ์ ณ ขณะนั้น และถ้าตอนนี้คุณยังไม่ได้ทำประกันภัยรถยนต์ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเปรียบเทียบประกันจากบริษัทประกันต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ของ EasyCompare มีข้อมูลละเอียดมาก หากเจอประกันรถที่สนใจ ก็สามารถซื้อผ่านออนไลน์ได้เลยอีกด้วยนะ